สวัสดีชาวพันทิป กระทู้นี้เราจะมาแนะนำที่เที่ยวแห่งใหม่ในญี่ปุ่นนนนนนนน นั่นคือ ค า มิ โ ค จิ @ญี่ปุ่น อาจจะไม่ใหม่สำหรับคนอื่นแต่ใหม่สำหรับเรา 555+ แบบว่าเพิ่งเคยได้ยินตอนเพื่อนมาชวน แต่พอได้ไปมาแล้วสวยจริงอะไรจริงค่ะ ใครเที่ยวโอซาก้ากับโตเกียวจนเบื่อแล้ว แนะนำทริปหน้าลุยไปที่นี่เลยค่ะ สวยจริงไม่ผิดหวัง
คามิโคจิ เป็นชื่อหุบเขาที่แปลว่าดินแดนที่เทพลงมาสถิต ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติบนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะชอบมาพักตากอากาศกับปีนเขากันที่นี่ค่ะ คามิโคจิถูกขนานนามว่าสวิตเซอร์แลนด์ในเอเชีย บ้างก็ว่าเป็นอุทยานโยเซมิติของอเมริกาขนาดย่อส่วน ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพิเศษที่งดงาม และได้รับเลือกเป็น"อนุสาวรีย์ทางธรรมชาติชนิดพิเศษ" ของญี่ปุ่นด้วย
คามิโคจิตั้งอยู่ที่จังหวัดนากาโน่ ระหว่างเมืองมัตสึโมโต้และเมืองทาคายาม่า จริงๆ การเดินทางไปคามิโคจิไม่ยากนะคะ ถ้าจะมาจากโตเกียวหรือนาโกย่า แต่ทริปของเราตั้งต้นจากเมืองมัตสึโมโต้ (จากโตเกียวมามัตสึโมโต้ ใช้เวลา 3 ชม.โดยบัส และ 2 ชม.ครึ่งโดยรถไฟ)
ตั๋วรถไฟกับรถบัสสามารถซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานี JR Matsumoto ราคา 4,550 เยนค่ะ หลังจากได้ตั๋วแล้วจะมีป้ายบอกว่าให้เราไปรอรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 7 บนขบวนรถไฟมี Wi-Fi ให้ใช้ด้วย
บรรยากาศสองข้างทางล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา ภูเขาค่ะ ดูเพลินตลอดทาง รถไฟลายน่ารักมากๆ
นั่งรถไฟมา 30 นาทีก็ถึงสถานีชินชิมะชิมะ (Shinshimashima ชื่อจะยาวไปไหน ตอนพูดลิ้นพันกันอีก) ออกจากสถานีรถไฟปุ๊บก็เป็นท่ารถบัสเลยค่ะ ไม่มีหลง รถไฟกับรถบัสที่เรานั่งมาไม่ต้องจองนะคะ ใช้วิธีมาก่อนขึ้นก่อน
นั่งรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมงในที่สุดก็ถึงคามิโคจิแล้ว ถ้าใครจะตามรอยแนะนำว่าถ้าเป็นช่วงวันหยุดให้ไปจองที่นั่งรถบัสขากลับเอาไว้ก่อนเลยดีกว่าค่ะ ถึงเราจะมีตั๋วที่ซื้อเป็นแพ็คเกจเอาไว้จากสถานี JR Matsumoto แล้ว แต่มันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เราอาจจะไม่ได้ขึ้นรถเที่ยวที่เราอยากจะกลับ ถ้ามีคนรอขึ้นรถก่อนเราแล้วรถเต็ม เพื่อความชัวร์จองขากลับไว้ก่อนเลยค่ะ
ตั๋วจองที่นั่งขากลับเรียกว่า "เซริเค็ง" (seiriken) ขากลับเราจะขึ้นรถบัสกลับกี่โมงก็บอกพนักงานห้องขายตั๋วได้เลยค่ะ พอถึงวันกลับก็มาให้ตรงเวลาเค้าก็จะเรียกขึ้นรถตามเบอร์ ใครยังไม่มาก็จะโดนข้ามไป
ที่ท่ารถบัสมีร้านอาหาร ร้านขายของ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวแล้วก็ที่ให้ฝากกระเป๋าค่ะ มาถึงคามิโคจิแล้วก็ต้องถ่ายรูปกับสะพานคัปปะ เดินจากท่ารถบัสไปไม่เกิน 5 นาที
สะพานคัปปะกับเทือกเขาโฮทากะด้านหลัง (เทือกเขาโฮทากะเป็นส่วนหนึ่งของเจแปนแอลป์นะคะ เจแปนแอลป์จริงๆ ไม่ได้หมายถึงแค่กำแพงหิมะที่คุโรเบะ)
ที่นี่เพิ่งได้รับความนิยมเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน แต่พอได้รับความนิยมมากๆ คนแห่กันมามหาศาล เกิดเป็นมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ทางการจึงประกาศให้ที่นี่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติและห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในคามิโคจิค่ะ ซึ่งเราว่ามันก็ดีค่ะเพราะทุกอย่างยังธรรมชาติมากๆ
ข้ามสะพานคัปปะเดินเลียบแม่น้ำฝั่งตรงข้ามท่ารถ มีวิวให้ถ่ายอีกเพียบ ประมาณว่าส่องกล้องไปทางไหนก็สวย ไม่ต้องมีฝีมือก็ถ่ายออกมาสวย 55555 เหมือนปลอบใจตัวเองเบาๆ ไม่รู้ทำไมต้นไม้ที่นี่มันถึงเขียว แม่น้ำมันถึงฟ้าได้ขนาดนี้
ตอนกลางวัน เราแวะซื้อข้าวกล่องมากินจากโรงแรมแถวๆ นั้นเพื่อเอามากินข้างริมแม่น้ำค่ะ หน้าตาแบบนี้ราคา 1,100 เยน จริงๆ แถวสะพานคัปปะกับท่ารถมีร้านอาหารให้กินอยู่นะคะ แต่แอบอยากเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าว กินในร้านมาทั้งชีวิต
กินเสร็จนั่งเล่นแป๊บนึงก็ได้เวลาเดินต่อค่ะ จากตรงนี้คือวิวจากสะพาน เดินไปตรงไหนก็ยกกล้องถ่ายรูปได้เลย เพราะสวยหมด
ตรงนี้จะเป็นบึงน้ำตื้นๆ มีชื่อว่าบึงทะชิโระ (Tashiro Marsh) บรรยากาศก็จะฝันๆ หน่อย
ส่วนบึงใหญ่ที่เห็นนี้คือบึงไทโช (Taisho Pond) จริงๆ เราสามารถลงรถบัสตรงนี้แล้วเดินย้อนขึ้นกลับไปที่ท่ารถบัสก็ได้ค่ะ
ระหว่างทางเจอ ลิง นก แมลงด้วย ลิงน้อยน่ารักโฮก
ตกกลางคืนเราออกมานอนดูดาวค่ะ ฟ้ากลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนก็สวยไม่แพ้กัน ถ้าใครจะนอนดูดาวที่นี่ต้องจองที่พักไว้ด้วยนะคะ ดูเสร็จแล้วกลับเลยไม่ได้เพราะรถบัสเที่ยวสุดท้ายจะออกจากคามิโคจิตอน 6 โมงเย็นทุกวัน
คามิโคจิไปไม่ยาก การเดินทางมาคามิโคจิจากที่ต่างๆ
1. จากโตเกียว: มีรถบัสวิ่งตรงจากสถานีชินจูกุ โตเกียว ชิบุย่า ทั้งรถบัสกลางคืน/กลางวัน ใช้เวลาประมาณ 5-7.5 ชม.
แนะนำถ้าใครอยากจะเซฟเวลาให้เที่ยวคามิโคจิได้เยอะๆ ก็นั่งบัสกลางคืนมาถึงคามิโคจิตอนเช้าตรู่ เที่ยวทั้งวันแล้วนั่งรถกลับตอนเย็น ประหยัดค่าโรงแรมได้อีก 1 คืน
2. จากเกียวโต/โอซาก้า: รถบัสวิ่งตรงจากเกียวโตและโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 6.5-7 ชม. แต่รถบัสสายนี้จะมีแต่รถบัสกลางคืนอย่างเดียว
3. จากทาคายาม่า: นั่งรถบัส 1 ชม. มาลงที่ฮิรายุออนเซ็น แล้วต่อรถบัสอีกสายอีก 30 นาที (รวมเวลา 1.5 ชม.)
4. จากมัตสึโมโต้: นั่งรถไฟหวานเย็น Kamikochi line (ไม่ใช่JR) 30 นาที แล้วต่อรถบัสอีก 1 ชม. (รวมเวลา 1.5 ชม.)
** ใครที่มี JR Pass จะใช้เดินทางได้ไกลสุดแค่ทาคายาม่าหรือมัตสึโมโต้เท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นต้องซื้อตั๋วรถบัสอีกทีเพื่อมาที่คามิโคจิ
หรือสามารถดูตารางเวลารถบัส / พาสรถบัส ได้จากลิงก์ข้างล่าง
http://www.alpico.co.jp/en/kamikochi
ถ้าอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง พบกันได้ที่งาน FIT Fair งานท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองที่ศูนย์การค้าพารากอน ระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย. 2560
และห้ามพลาด! สำหรับใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปคามิโคจิ ตามมาร่วมสนุกกับกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก
ALPICO GROUP ลุ้นรับรางวัลตั๋วไฮเวย์บัสไปกลับชินจูกุ-คามิโคจิ 2 ที่นั่ง (จำนวน 5 รางวัล) 2 Day Free Passport พาสรถบัสสำหรับเที่ยวในคามิโคจิ โนริคุระ มัตสึโมโต้ 2 ใบ (จำนวน 5 รางวัล) และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ALPICO GROUP
[Advertorial]
สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย ค า มิ โ ค จิ @ญี่ปุ่น
คามิโคจิ เป็นชื่อหุบเขาที่แปลว่าดินแดนที่เทพลงมาสถิต ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติบนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะชอบมาพักตากอากาศกับปีนเขากันที่นี่ค่ะ คามิโคจิถูกขนานนามว่าสวิตเซอร์แลนด์ในเอเชีย บ้างก็ว่าเป็นอุทยานโยเซมิติของอเมริกาขนาดย่อส่วน ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพิเศษที่งดงาม และได้รับเลือกเป็น"อนุสาวรีย์ทางธรรมชาติชนิดพิเศษ" ของญี่ปุ่นด้วย
คามิโคจิตั้งอยู่ที่จังหวัดนากาโน่ ระหว่างเมืองมัตสึโมโต้และเมืองทาคายาม่า จริงๆ การเดินทางไปคามิโคจิไม่ยากนะคะ ถ้าจะมาจากโตเกียวหรือนาโกย่า แต่ทริปของเราตั้งต้นจากเมืองมัตสึโมโต้ (จากโตเกียวมามัตสึโมโต้ ใช้เวลา 3 ชม.โดยบัส และ 2 ชม.ครึ่งโดยรถไฟ)
ตั๋วรถไฟกับรถบัสสามารถซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานี JR Matsumoto ราคา 4,550 เยนค่ะ หลังจากได้ตั๋วแล้วจะมีป้ายบอกว่าให้เราไปรอรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 7 บนขบวนรถไฟมี Wi-Fi ให้ใช้ด้วย
บรรยากาศสองข้างทางล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา ภูเขาค่ะ ดูเพลินตลอดทาง รถไฟลายน่ารักมากๆ
นั่งรถไฟมา 30 นาทีก็ถึงสถานีชินชิมะชิมะ (Shinshimashima ชื่อจะยาวไปไหน ตอนพูดลิ้นพันกันอีก) ออกจากสถานีรถไฟปุ๊บก็เป็นท่ารถบัสเลยค่ะ ไม่มีหลง รถไฟกับรถบัสที่เรานั่งมาไม่ต้องจองนะคะ ใช้วิธีมาก่อนขึ้นก่อน
นั่งรถบัสอีกประมาณ 1 ชั่วโมงในที่สุดก็ถึงคามิโคจิแล้ว ถ้าใครจะตามรอยแนะนำว่าถ้าเป็นช่วงวันหยุดให้ไปจองที่นั่งรถบัสขากลับเอาไว้ก่อนเลยดีกว่าค่ะ ถึงเราจะมีตั๋วที่ซื้อเป็นแพ็คเกจเอาไว้จากสถานี JR Matsumoto แล้ว แต่มันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เราอาจจะไม่ได้ขึ้นรถเที่ยวที่เราอยากจะกลับ ถ้ามีคนรอขึ้นรถก่อนเราแล้วรถเต็ม เพื่อความชัวร์จองขากลับไว้ก่อนเลยค่ะ
ตั๋วจองที่นั่งขากลับเรียกว่า "เซริเค็ง" (seiriken) ขากลับเราจะขึ้นรถบัสกลับกี่โมงก็บอกพนักงานห้องขายตั๋วได้เลยค่ะ พอถึงวันกลับก็มาให้ตรงเวลาเค้าก็จะเรียกขึ้นรถตามเบอร์ ใครยังไม่มาก็จะโดนข้ามไป
ที่ท่ารถบัสมีร้านอาหาร ร้านขายของ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวแล้วก็ที่ให้ฝากกระเป๋าค่ะ มาถึงคามิโคจิแล้วก็ต้องถ่ายรูปกับสะพานคัปปะ เดินจากท่ารถบัสไปไม่เกิน 5 นาที
สะพานคัปปะกับเทือกเขาโฮทากะด้านหลัง (เทือกเขาโฮทากะเป็นส่วนหนึ่งของเจแปนแอลป์นะคะ เจแปนแอลป์จริงๆ ไม่ได้หมายถึงแค่กำแพงหิมะที่คุโรเบะ)
ที่นี่เพิ่งได้รับความนิยมเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน แต่พอได้รับความนิยมมากๆ คนแห่กันมามหาศาล เกิดเป็นมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ทางการจึงประกาศให้ที่นี่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติและห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในคามิโคจิค่ะ ซึ่งเราว่ามันก็ดีค่ะเพราะทุกอย่างยังธรรมชาติมากๆ
ข้ามสะพานคัปปะเดินเลียบแม่น้ำฝั่งตรงข้ามท่ารถ มีวิวให้ถ่ายอีกเพียบ ประมาณว่าส่องกล้องไปทางไหนก็สวย ไม่ต้องมีฝีมือก็ถ่ายออกมาสวย 55555 เหมือนปลอบใจตัวเองเบาๆ ไม่รู้ทำไมต้นไม้ที่นี่มันถึงเขียว แม่น้ำมันถึงฟ้าได้ขนาดนี้
ตอนกลางวัน เราแวะซื้อข้าวกล่องมากินจากโรงแรมแถวๆ นั้นเพื่อเอามากินข้างริมแม่น้ำค่ะ หน้าตาแบบนี้ราคา 1,100 เยน จริงๆ แถวสะพานคัปปะกับท่ารถมีร้านอาหารให้กินอยู่นะคะ แต่แอบอยากเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าว กินในร้านมาทั้งชีวิต
กินเสร็จนั่งเล่นแป๊บนึงก็ได้เวลาเดินต่อค่ะ จากตรงนี้คือวิวจากสะพาน เดินไปตรงไหนก็ยกกล้องถ่ายรูปได้เลย เพราะสวยหมด
ตรงนี้จะเป็นบึงน้ำตื้นๆ มีชื่อว่าบึงทะชิโระ (Tashiro Marsh) บรรยากาศก็จะฝันๆ หน่อย
ส่วนบึงใหญ่ที่เห็นนี้คือบึงไทโช (Taisho Pond) จริงๆ เราสามารถลงรถบัสตรงนี้แล้วเดินย้อนขึ้นกลับไปที่ท่ารถบัสก็ได้ค่ะ
ระหว่างทางเจอ ลิง นก แมลงด้วย ลิงน้อยน่ารักโฮก
ตกกลางคืนเราออกมานอนดูดาวค่ะ ฟ้ากลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนก็สวยไม่แพ้กัน ถ้าใครจะนอนดูดาวที่นี่ต้องจองที่พักไว้ด้วยนะคะ ดูเสร็จแล้วกลับเลยไม่ได้เพราะรถบัสเที่ยวสุดท้ายจะออกจากคามิโคจิตอน 6 โมงเย็นทุกวัน
คามิโคจิไปไม่ยาก การเดินทางมาคามิโคจิจากที่ต่างๆ
1. จากโตเกียว: มีรถบัสวิ่งตรงจากสถานีชินจูกุ โตเกียว ชิบุย่า ทั้งรถบัสกลางคืน/กลางวัน ใช้เวลาประมาณ 5-7.5 ชม.
แนะนำถ้าใครอยากจะเซฟเวลาให้เที่ยวคามิโคจิได้เยอะๆ ก็นั่งบัสกลางคืนมาถึงคามิโคจิตอนเช้าตรู่ เที่ยวทั้งวันแล้วนั่งรถกลับตอนเย็น ประหยัดค่าโรงแรมได้อีก 1 คืน
2. จากเกียวโต/โอซาก้า: รถบัสวิ่งตรงจากเกียวโตและโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 6.5-7 ชม. แต่รถบัสสายนี้จะมีแต่รถบัสกลางคืนอย่างเดียว
3. จากทาคายาม่า: นั่งรถบัส 1 ชม. มาลงที่ฮิรายุออนเซ็น แล้วต่อรถบัสอีกสายอีก 30 นาที (รวมเวลา 1.5 ชม.)
4. จากมัตสึโมโต้: นั่งรถไฟหวานเย็น Kamikochi line (ไม่ใช่JR) 30 นาที แล้วต่อรถบัสอีก 1 ชม. (รวมเวลา 1.5 ชม.)
** ใครที่มี JR Pass จะใช้เดินทางได้ไกลสุดแค่ทาคายาม่าหรือมัตสึโมโต้เท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นต้องซื้อตั๋วรถบัสอีกทีเพื่อมาที่คามิโคจิ
หรือสามารถดูตารางเวลารถบัส / พาสรถบัส ได้จากลิงก์ข้างล่าง http://www.alpico.co.jp/en/kamikochi
ถ้าอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง พบกันได้ที่งาน FIT Fair งานท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเองที่ศูนย์การค้าพารากอน ระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย. 2560
และห้ามพลาด! สำหรับใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปคามิโคจิ ตามมาร่วมสนุกกับกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก ALPICO GROUP ลุ้นรับรางวัลตั๋วไฮเวย์บัสไปกลับชินจูกุ-คามิโคจิ 2 ที่นั่ง (จำนวน 5 รางวัล) 2 Day Free Passport พาสรถบัสสำหรับเที่ยวในคามิโคจิ โนริคุระ มัตสึโมโต้ 2 ใบ (จำนวน 5 รางวัล) และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ALPICO GROUP
[Advertorial]